เป็นที่ทราบกันดีว่าประเทศญี่ปุ่นมีขนาดเล็กกว่าประเทศไทยแต่มีผลเมืองมากกว่าประเทศไทยเกือบเท่าตัว
แต่ปรากฏว่าประเทศญี่ปุ่นมีพื้นที่ป่ามากกว่าคือมีป่าไม้ 60 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่
(สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้วมักจะมีป่าไม้อยู่ในอัตรานี้) ประเทศที่มีป่าไม้ขนาดนี้จะไม่ค่อยมีปัญหาน้ำท่วมน้ำหลากมากนัก
ถีงมีก็ไม่ได้รุนแรงที่จะก่อให้เกิดอันตรายมากนัก
เมื่อคิดเทียบกับประเทศไทยขณะนี้เรามีพื้นที่ป่าเหลืออยู่ 14 เปอร์เซ็นต์
จึงไม่น่าแปลกที่จะมีน้ำท่วมทุกปีและเกิดน้ำท่วมฉับพลัน
และเกิดความเสียหายต่อชีวิตทรัพย์สิน ผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมาก
สำหรับประเทศญี่ปุ่นถ้าย้อนไปสมัยที่โชกุลปกครองญ่ี่ปุ่นประมาณร้อยปีมาแล้ว ที่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เกิดน้ำท่วมญี่ปุ่นทำความเสียหายแก่ชีวิตทรัพย์สินจำนวนมากเช่นกัน ก็คงจะมีน้ำป่าไหลหลากเช่นเดียวกัน แต่เมื่อน้ำลดโชกุลก็ถามถึงสาเหตุที่ทำให้น้ำท่วมรุนแรงก็ได้รับคำตอบว่ามีการตัดไม้ทำลายป่ามาก โชกุลก็เลยออกคำสั่งห้ามตัดไม้ทำลายป่า ใครที่ตัดต้นไม้จะได้รับโทษรุนแรง และให้ทหารเข้าไปดูแลป้องกันไม่ให้ใครไปตัดต้นไม้ ซึ่งก็เป็นที่แน่ชัดว่าเมื่อฝนตกก็ไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายเหมือนเมื่อก่อน ประกอบกับประเทศญี่ปุ่นมีศาสนาชินโตเป็นศาสนาที่คนญี่ปุ่นนับถืออยู่ดั้งเดิม ที่ให้ความเคารพต่อธรรมชาติ ไม่ว่า หิน ดิน ทราย ต้นไม้ คิดให้เหมือนกับผู้มีพระคุณมีชีวิตสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิงห์สถิตย์ แม้ว่าความเชื่อเหล่านี้จะลดน้อยลงไป แต่ก็ให้ความสำคัญในการอนุรักษ์ต้นไม้และสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ประเทศญี่ปุ่นจึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการบุกรุกทำลายป่า เพราะประชาชนช่วยกันดูแล
หากประเทศไทยจะเลียนแบบที่จะช่วยการเสริมสร้างป่าไม้ให้มากขึ้นประเทศญ่ี่ปุ่น เช่นใช้ทหารมาช่วยในการดูแลรักษาป่าไม่ให้มีการบุกรุกทำลายป่า เอาจริงเอาจังเอาผิดกับผู้บุกรุกทำลายป่า และ ถือว่าต้นไม้เป็นผู้มีพระคุณไม่ควรทำลาย แต่ต้องเสริมสร้างให้เพิ่มมากขึ้น ทำอย่างไรให้แข่งกับปลูกป่ามากกว่าแข่งกันทำลาย แล้วยังจะได้ช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วย