จากความคิดอันเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป 2 ประการคือแนวคิดเรื่องสนาม และอนุภาค โดยอนุภาคเป็นสิ่งที่มีมวล ประจุ และตำแหน่งใน สเปสซ์ แต่สนามไม่มีคุณสมบัติดังกล่าว แต่มีอยู่ทุกที่ซึ่งสนามนำโมเมนตัมและพลังงานไปทั่วทั้งสเปสซ์ทึ่มีสนามอยู่ การมองภาพเช่นนี้ถือว่าเป็นฟิสิกส์ดั้งเดิม หรือแบบฉบับ โดยฟิสิกส์แบบฉบับสามารถที่จะอธิบาย และทำนายปรากฏการณ์ได้อย่างถูกต้องกว้างขวา และสามารถใช้คำนวณเส้นทางการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์อย่างละเอียดถูกต้องสูง และยังใช้ได้กับการคำนวณ เกี่ยวกับ แสง เสียง ความร้อน สภาพแม่เหล็ก และไฟฟ้า
เป็นที่แน่นอนว่าทฤษฎีสัมพันธภาพ มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงต่อภาพของฟิสิกส์ดั้งเดิมอย่างมีนัยสำคัญ แต่ยังไม่เปลี่ยนแปลงการแบ่งแยกระหว่างอนุภาคและสนาม องค์ประกอบในความเป็นจริงของทฤษฎีสัมพันธภาพไม่ได้เปลี่ยนมโนทัศน์ทั่วไปของอนุภาคและสนาม จากการริ่เริ่มในศตวรรษที่ 19 และต้นศตวรรษที่ 20 ได้มีการทดลองหลักและผลงานเชิงทฤษฎีปรากฏออกมา นำไปสู่การทบทวนแนวความคิดรากฐานเดิมของโครงสร้างของโลก ที่พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ยิ่งกว่าทฤษฎีสัมพันธภาพอย่างมาก งานต่างๆที่เคยมีอยู่ดั้งเดิมดังกล่าวนำไปสู่ทฤษฎีที่เรียกว่าทฤษฎีควอนตัมในปัจจุบัน ซึ่งเกือบทั้งหมดเป็นอิสระจากทฤษฏีสัมพันธภาพ จะพิจารณาฟิสิกส์สัมพันธภาพก็ต่อเมื่อระบบที่มีวัตถุกำลังเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วที่เทียบกับความเร็วของแสง เมื่อเทียบกับฟิสิกส์ควอนตัมจะใช้เมื่อพิจารณาระบบในมิติระดับอะตอมหรือเล็กกว่า ซึ่งเป็นการนิยามอย่างหยาบๆ เป็นหลักอย่างง่าย ในอีกทางหนึ่งสถานะการณ์ที่คงอยู่ สามารถใช้ทฤษฎีสัมพันธภาพกับปรากฏการณ์ความเร็วต่ำ ใช้ทฤษฎีควอนตัมกับวัตถุขนาดใหญ่ ในอีกทางกรณีที่มีอยู่สามารถใช้ฟิสิกส์ดั้งเดิมแบบไม่มีสัมพันธ์ภาพ แม้ว่าดูเหมือนว่าทฤษฎีจะถูกต้องทั้งหมด แต่เมื่อวิเคราะห์ระบบขนาดเล็กที่เป็นอนุภาค ที่มีความเร็วสูง ซึ่งจะต้องใช้หลักการของสัมพันธภาพทางฟิสิกส์ควอนตัม แต่เรายังไม่อาจเข้าใจระบบเช่นนั้นทั้งหมด เพราะขณะยังเป็นเรื่องยุ่งยาก งานที่ยากลำบากต่อการทำความเข้าใจ ที่พยายามพัฒนากลศาสตร์ควอนตัมสัมพันธภาพ
No comments:
Post a Comment